รู้ไหม? ดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร และมีผลอย่างไรต่อดอกเบี้ยบ้านที่เราผ่อนอยู่ทุกเดือน

118 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รู้ไหม? ดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร และมีผลอย่างไรต่อดอกเบี้ยบ้านที่เราผ่อนอยู่ทุกเดือน

ดอกเบี้ยนโยบาย คืออะไร ส่งผลอย่างไรกับดอกเบี้ยบ้านอยู่อาศัย
 
การขึ้นลงของดอกเบี้ยนโยบาย เป็นข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงต่อคนอยากมีบ้าน
และ
คนผ่อนบ้าน เข้าใจถึงความกังวลนี้ จึงจะพามาทำความเข้าใจว่าดอกเบี้ยนโยบาย
คืออะไร และการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของคุณอย่างไร

ทำความเข้าใจ "ดอกเบี้ยนโยบาย" ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม
 
 
ดอกเบี้ยนโยบาย คือ เครื่องมือสำคัญของธนาคารกลางที่ใช้กำกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ เปรียบเสมือนคันเร่งหรือเบรกของรถยนต์ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ไม่ร้อนแรงหรือซบเซาจนเกินไป โดยมีเป้าหมายหลัก ดังนี้

- ควบคุมเงินเฟ้อ : การปรับขึ้น-ลงของดอกเบี้ยนโยบาย ช่วยควบคุมระดับราคาสินค้าและบริการไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าครองชีพ
- กระตุ้นเศรษฐกิจ : ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา การลดดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยกระตุ้นให้คนและภาคธุรกิจกล้าใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น
- ชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ : หากเศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไป การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยชะลอการใช้จ่ายและการก่อหนี้ที่มากเกินความจำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาฟองสบู่
- รักษาเสถียรภาพค่าเงิน : อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีผลต่อการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างชาติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของค่าเงินบาท 
 
ใครเป็นผู้กำหนดทิศทางดอกเบี้ย และใช้อะไรในการตัดสินใจ 
ผู้กำหนดทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยคือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย กนง. จะประชุมกันปีละ 6 ครั้ง เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจจากหลายปัจจัย เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) อัตราเงินเฟ้อ การส่งออก การจ้างงาน และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ก่อนจะลงมติว่าจะ "ปรับขึ้น", "ปรับลด" หรือ "คง" อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 
 
"ดอกเบี้ยนโยบาย" ส่งผลกระทบต่อ "ดอกเบี้ยบ้าน” อย่างไร
 

ดอกเบี้ยนโยบาย คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ธนาคารกลางใช้กับธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็จะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของตนเอง
(เช่น MLR, MRR) และดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผู้กู้ซื้อบ้านทันที 
 
กรณี "ปรับขึ้น" ดอกเบี้ย : คนผ่อนบ้านและคนจะกู้ต้องเตรียมตัวอย่างไร 
เมื่อ กนง. ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ

- สำหรับคนผ่อนบ้าน (ที่ดอกเบี้ยลอยตัว) : ภาระการผ่อนต่อเดือนจะสูงขึ้น เพราะธนาคารจะคำนวณดอกเบี้ยในอัตราใหม่ ควรเตรียมสำรองเงินเพิ่ม หรือพิจารณาขอรีไฟแนนซ์ (Refinance) ไปยังธนาคารที่เสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ในระยะยาว
- สำหรับคนจะกู้ซื้อบ้าน : ความสามารถในการกู้เงินอาจลดลง วงเงินที่ได้รับอาจน้อยลงในขณะ
ที่ภาระผ่อนเท่าเดิม หรือต้องผ่อนสูงขึ้นสำหรับวงเงินเท่าเดิม ดังนั้น จึงควรประเมินความสามารถในการผ่อนอย่างรัดกุมและเตรียมเงินดาวน์ให้มากขึ้น 
 
กรณี "ปรับลด" ดอกเบี้ย : ทำไมเป็นโอกาสทองของผู้ที่อยากมีบ้าน 
ในทางตรงกันข้าม การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายถือเป็นข่าวดีและเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับคนอยากมีบ้าน ด้วยเหตุผล ดังนี้

- ภาระผ่อนลดลง :ดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลงทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง หรือสามารถตัดเงินต้นได้มากขึ้นในค่างวดเท่าเดิม
- กู้ง่ายขึ้นและได้วงเงินสูงขึ้น : เมื่อดอกเบี้ยต่ำลง ความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้จะสูงขึ้นในสายตาของธนาคาร ทำให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น และอาจได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้นด้วย
- โอกาสรีไฟแนนซ์ : เป็นจังหวะดีเยี่ยมสำหรับคนที่มีหนี้บ้านเดิมอยู่แล้วในการรีไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว 
 
อัปเดตทิศทางดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด จากธนาคารแห่งประเทศไทย
 
 
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% มาอยู่ที่
1.50% ต่อปี โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราเงินเฟ้อ
อยู่ในระดับต่ำ การลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จึงเป็นการปรับนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาภาระของภาคธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ที่กำลังพิจารณา
สินเชื่อบ้านในปัจจุบัน
 
วางแผนการเงินให้พร้อม รับมือทุกสถานการณ์ดอกเบี้ย 
ไม่ว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นอย่างไร การเตรียมความพร้อมทางการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณตัดสินใจเรื่องบ้านได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงในระยะยาว 

- ประเมินภาระหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม : โดยทั่วไป สัดส่วนภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน
40-50% ของรายได้ต่อเดือน
- สร้างเงินออมสำรองฉุกเฉิน : ควรมีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นอย่างน้อย 3-6 เดือน
เผื่อกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน
- เลือกประเภทดอกเบี้ยที่เหมาะกับตัวเอง : ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) และดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) เพื่อวางแผนการเงินในระยะยาว
- ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ : การติดตามการประชุม กนง. จะช่วยให้คุณคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยและวางแผนการเงินล่วงหน้าได้
 
 
 
 
 
#ตรวจบ้าน #ตรวจคอนโด #ตรวจบ้านก่อนโอน #บริษัทรับตรวจบ้าน #บริษัทตรวจบ้าน #บริษัทรับตรวจบ้านPANTIP #ตรวจบ้านเจ้าไหนดี #ตรวจคอนโดเจ้าไหนดี #ตรวจคอนโดบริษัทไหนดี #ตรวจคอนโดกรุงเทพ #ตรวจบ้านราคา #ตรวจบ้านก่อนโอนราคา #จ้างตรวจบ้าน #จ้างตรวจคอนโด #Checklistตรวจบ้าน #Checklistตรวจคอนโด
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้